ครูหนังเล่นงาน

ครูหนังเล่นงาน

247
0
แบ่งปัน

****** “ครูหนังเล่นงาน” ******

ขอสาธุคุณให้มีแต่ความสุขความเจริญ…

สมัยข้าเด็กๆ นี่ มีน้าคนหนึ่งแกเป็นช่างไม้ ชื่อโกปุด

โกปุดนี่ แกได้รับถ่ายทอดครูทางหนังตะลุงมา

แต่โกปุดแกเป็นช่างไม้ แกไม่ได้ไปเป็นนายหนัง

ทีนี้ เมื่อถึงวันสำคัญ โกปุดจะต้องเอาหนังออกมาเชิด พวกเราเด็กๆ ก็จะมานั่งฟังนั่งดู

การเชิดหนังก็ต้องมีพิธีบวงสรวง หากไม่ทำพิธี โกปุดบอกว่า ครูจะลงโทษ
เอามาเชิดเล่นๆไม่ได้

ทีนี้ พอโกปุดเชิดเสร็จ ตอนแกไม่อยู่ พวกเราก็แอบเอาตัวหนังตะลุงออกมาเชิดเล่นมั่ง

เราเล่นกันอย่างสนุกสนาน จนไปดึงเอาตัวหนังที่มีเชือกรั้งให้ปากตัวหนังขยับมันขาด

พวกเรามักจะชอบไอ้เท่งกะไอ้แก้วไข่นุ้ยอะไรอย่างนี้

ปรากฏว่า ตกกลางคืน พวกเราป่วยกันเป็นแถว ป่วยไม่มีสาเหตุ

โดยเฉพาะข้า แม่บอกว่าเพ้อและตัวร้อนทั้งคืน

นอนเพ้อไม่พอ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาหลับตาทำมือเชิดหนังซะงั้น ทั้งบ้านก็เลยไม่ต้องนอนกัน

ตัวเหลืองซีดเป็นอาทิตย์ ทำท่าว่าจะตายเอา

หมอมาดูแลรักษาก็ไม่หาย รักษาอย่างไรก็ไม่หาย

ที่สุดก็ต้องพึ่งผี

ทางใต้นี่ โดยเฉพาะที่บ้านข้า เขานับถือตาหมอเฒ่า

ตาหมอเฒ่า เป็นผีบรรพบุรุษ เหมือนหลวงพ่อทวดเรานี่แหละ

หลวงพ่อทวดนี่ก็เป็นตาหมอเฒ่า ที่ผ่านร่างพระมารักษาคน

ทีนี้ ตาหมอเฒ่าผ่านร่างแม่เข้ม ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่า

แกสั่นพับๆๆอยู่พักนึง พอสงบพูดจาพอรู้เรื่อง ปี่ตาหมอเฒ่าก็จะถามว่า เรียกกูมานี่ มึงต้องการอะไร

พอเราบอกจุดประสงค์ไป ตาหมอเฒ่าในร่างแม่เข้ม ก็จะเอามือป้องเทียน

เอียงคอไปเอียงคอมาซักพัก แล้วบอกทุกคนว่า โดนครูหนังเล่นงาน

ให้เอาหมากพูล ธูปเทียนไปขอขมา

แม่ก็เลยรีบจัดการ พอขอขมาต่อครูหนังเสร็จ ข้าก็หายเลย

ลุกขึ้นนั่งและวิ่งเล่นตามปกติ เหมือนเด็กไม่ป่วยทั่วไป

นี่..เรื่องพวกนี้นี่ เมื่อเกิดการประจักษใจกันเช่นนี้

การนับถือผีนี่ มันจึงเกิดลามไปทั่ว เพราะมันมีผลต่อผู้ประจักษ์

การนับถือผีนี่ เป็นธรรมดา ของผู้ที่อธิบายเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้

เมื่ออธิบายไม่ได้ มันก็ยอมจำนน และหวาดหวั่นกับสิ่งที่มันมีมันเกิดว่าจะมาให้คุณให้โทษต่อใจต่อกายเจ้าของ

ส่วนพวกที่ฟังตามๆ กันมา ไม่เคยเผชิญ มันก็จะว่างมงายและอุปทาน

ลัทธิต่างๆ เกิดขึ้นมาและแผ่ไปทั่วโลก

ก็เพราะมันจำนนต่อความไม่รู้นี่แหละเป็นหลัก

ผู้ทรงคุณผู้เข้าใจ ท่านชี้ให้เห็นว่า การจำนนต่อสภาวะพวกนี้นี่ มันเป็นทุกข์

หนทางแห่งการพ้นทุกข์นี่ ไม่ใช่ไม่นับถือหรือนับถือ

ท่านให้ทำความเข้าใจว่ามันมีของมันเป็นธรรมดาอย่างนี้

หากเรามีปัญญา มีศีลมีธรรม สิ่งเหล่านี้ มันไม่มีผลต่อจิตใจ

นี่..ผู้มีปัญญามองด้วยความเข้าใจ และไม่ได้เข้าไปยึดหรือไม่ยึด..!!

เราชอบเทพ เราก็นับถือเทพกันไป มันห้ามกันไม่ได้

เรานับถือนาค เราก็นับถือนาคกันไป มันห้ามกันไม่ได้

เรานับถือ ฤษี เทวดา พรหม ครูแขนงต่างๆหรือแม้แต่เดรัจฉาน เราก็นับถือกันไป เราห้ามกันไม่ได้

เพียงแต่การหลงไหลสิ่งเหล่านี้มากไป มันก็จะเกิดความงมงาย และร้องขอ เพื่อให้ใด้ดั่งใจ

การงมงายนี่ เป็นอาการของคนโง่ ที่โงหัวไม่ขึ้น

พอๆกับฉลาดมากไป สงสัยไปทั่ว จนไม่เอาอะไรหาสาระไม่ได้ นี่ก็โง่หลายๆเช่นกัน

การรู้ทั้งสองฟาก จะทำให้เรามีโอกาศเลือกที่จะยืน

เรื่องชอบอะไรต่ออะไร มันห้ามใจกันไม่ได้

หากเราห้ามเขา เพื่อให้เห็นว่าของเรานี่ดีกว่า เช่นนี้ก็เป็นใจเลว

พระพุทธองค์ท่านทรงชี้ว่า เราจะนับถืออะไรชอบอะไรก็ทำไปเถิด

แต่ขอให้มีสติสัมปชัญญะ สร้างหิริโอตัปปะขึ้นมาในใจของเรา

ให้เอาความละอายชั่วกลัวบาปนี้ หล่อเลี้ยงใจเรา

ท่านจะนั่งสาดไฟ บูชาไฟ บูชาอะไร มันก็บริสุทธิ์

เพียงแต่ความบริสุทธิ์นั้น มันก้าวไปไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์

การก้าวไปสู่ความพ้นทุกข์….มันเป็นเรื่องของปัญญา

นี่…..ปัญญาคือพุทธะ

ไม่ใช่หมายความว่า พุทธะนี้ คือความเป็นพระพุทธองค์

พระพุทธิองค์ เป็นผู้นำสัตว์โลกก้าวไปสู่ความเป็นพุทธะ

พุทธะนี้คือปัญญา ที่จะเป็นหนทางแสวงหาเครื่องออกจากทุกข์ของมวลมนุษย์ชาติ…!!

พระธรรมเทศนา วันที่ 28 พฤษภาคม 2559 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง